‘เวนิส’ เมืองที่ส่งกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของอิตาลี ชี้ชวนให้นักเดินทางและผู้หลงใหลในชิ้นงานศิลปะและสถาปัตยกรรมได้ปักหมุดแล้วตามรอยเรื่องราวที่ถูกเรียบเรียงในประวัติศาสตร์ยุโรป
เพื่อเติมเต็มความฝันของนักเดินทางเราจึงขอยื่นหมุด 6 พิพิธภัณฑ์ในเวนิส ที่ห้ามพลาดให้ไปสัมผัส ไปร้อยเรียงเรื่องราวซึ่งถูกเล่าต่อผ่านตำรามาผสมผสานให้เกิดประสบการณ์เดินทางอันแสนพิเศษ
Museo Correr พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิสที่ถอดเรื่องราวมาจากตำราเรียน
ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองเวนิส ถูกบอกเล่าและสื่อสารผ่านหลากหลายเครื่องมือและแหล่งที่มา โดยพิพิธภัณฑ์ก็เปรียบเสมือนอีกหนึ่งตำราที่จะพาย้อนไปในอดีตของเมืองเวนิส ซึ่งมีหลากหลายแห่งนับไม่ถ้วนในอิตาลี แต่ถ้าจะให้แนะนำสัก 1 แห่งก็คงจะหนีไม่พ้น Museo Correr พิพิธภัณฑ์แห่งเมืองเวนิสตั้งอยู่ในทิศใต้ของ St. Mark’s Square
Museo Correr ที่เป็นเสมือนห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิสแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1922 อาคารบางส่วนตั้งอยู่ใน Napoleonic Wing ออกแบบโดย Vincenzo Scamozzi ในอดีตเคยเป็นที่พำนักและสถานที่ปฏิบัติราชการของเหล่ากษัตริย์และจักรพรรดิในช่วงที่เวนิสได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลี พลิกกลับมา ณ ปัจจุบัน อาคารของ Museo Correr ที่อยู่ใน Napoleonic Wing ได้ถูกปรับเปลี่ยนบริบทกลายเป็น Neoclassical Room จัดแสดงผลงานของประติมากรที่มีชื่อเสียงในช่วงเวลานั้นอย่าง Antonio Canova นอกจากนั้น ภายในห้องต่าง ๆ ยังแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวเวนิส ตั้งแต่เทศกาลสำคัญไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ในส่วนของชั้นที่ 2 เป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งเมืองเวนิสจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16
หากมาเยือนเมืองเวนิสก็ลองแวะมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้กันที่ Museo Correr ณ St. Mark’s Square ขอรับรองเลยว่าเรื่องราวในตำราที่เคยอ่านกันมาจะน่าตื่นเต้น และน่าสนใจยิ่งกว่าการสัมผัสกลิ่นอายของเมืองเวนิสผ่านตัวหนังสือ เพียงก้าวเข้ามาในห้องเรียนประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิสที่ Museo Correr
Ca’Rezzonico คฤหาสน์ 3 ชั้นเลียบ Grand Canal ที่ภายในแต่งแต้มด้วยชิ้นงานศิลปะอันน่าตระการตา
ล่องเรือเลียบ Grand Canal คลองใหญ่ใจกลางเมืองเวนิส ที่ขนาบไปด้วยอาคารอันตระการตามากมาย ภายในซุกซ่อนไปด้วยเรื่องราวของมหานครแห่งนี้ Ca’Rezzonico คฤหาสน์ 3 ชั้น ตั้งหันหน้าเข้าหา Grand Canal ก็เป็นอาคารที่น่าสนใจ เชื้อเชิญให้ค้นหาเรื่องราวของเวนิสผ่านผลงานศิลปะที่ถูกแต่งแต้มอย่างบรรจงไว้ภายใน
Ca’Rezzonico คือ คฤหาสน์ที่สร้างโดยตระกูล Bon หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของเวนิส โดยมอบหมายให้ Baldassare Longhena สถาปนิกที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในยุคนั้นมาออกแบบให้ ทว่าด้วยงบประมาณการออกแบบที่สุดโต่งเกินไป การก่อสร้างจึงชะงักลง ต่อมา Giambattista Rezzonica ได้ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ไว้ และมอบให้ Giorgio Massari ออกแบบรับช่วงต่อจนสำเร็จ กระทั่งเมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนเจ้าของคฤหาสน์หลายคน สุดท้ายได้ถูกซื้อโดยหน่วยงานของเวนิส เปลี่ยนแปลงให้เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 สำหรับอาคาร 3 ชั้น ประกอบไว้ด้วยชั้นแรก ได้แก่ ภาพวาด ประติมากรรม และเฟอร์นิเจอร์ ที่ฝ้าเพดานประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรม ชั้นที่ 2 จัดแสดงผลงานของศิลปินชาวเวนิส คือ Pietro Longhi และ Giandomenico Tiepolo และชั้นที่ 3 เป็นห้องจำลองร้านขายยา
ผลงานศิลปะสะท้อนเรื่องราวและทรรศนะของนักสร้างสรรค์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเวนิส ถูกรวบรวมและแต่งแต้มอย่างละเอียดละออลงในคฤหาสห์เลียบ Grand Canal เชื้อเชิญให้ล่องเรือมาแวะแกะทุก ๆ ลายเส้นและทรวดทรงภายในที่ Ca’Rezzonico
Museo di San Marco พิพิธภัณฑ์ใจกลางจตุรัส St. Mark’s ที่ภายในถูกประดับอย่างบรรจงด้วยงานโมเสก
แลนมาร์กของเวนิสที่ต้องไปเยือนอย่าง St. Mark’s จตุรัสอันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะหลากหลายแห่ง ทว่าสำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบในความงดงามและความละเอียดลออของงานโมเสก จงปักหมุด Museo di San Marco ไว้ เพื่อกันพลาด
Museo di San Marco เข้าถึงได้โดยบันไดแคบ ๆ นำทางจากห้องโถงใหญ่ของ Basilica di San Marco มายังภายในพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม ไปจนถึง Loggia dei Cavalli หรือม้าสำริด 4 ตัว ซึ่งเป็นของเก่าสะสมที่ได้มาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 ที่ถูกสร้างเป็นแบบจำลองประดับไว้ที่ฟาซาด นอกจากนั้น ยังมีการจัดแสดงชิ้นส่วนของงานโมเสกที่มีอายุในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 – 16
มาถึงจตุรัส St. Mark’s แล้ว ก็อย่ามาพลาดที่จะเดินเข้ามาชมความงามของ Loggia dei Cavalli จากกรุงคอนสแตนติโนเปิล และงานโมเสกที่ประดับอยู่บนผนัง สร้างความสวยงามให้กับการตกแต่งภายในของ Museo di San Marco
Peggy Guggenheim Collection แกลเลอรีของผู้อุปถัมภ์งานศิลปะ ที่รวบรวมผลงานชิ้นเอกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
สำหรับสายสะสมชิ้นงานศิลปะ หรือแฟนคลับตัวยงของศิลปินในยุโรปและอเมริกาเหนือ Peggy Guggenheim Collection พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะชิ้นเจ๋ง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มาจัดแสดงให้ได้ยลโฉมกัน
Peggy Guggenheim Collection อาคารทรงเตี้ยสีขาวตั้งประจันหน้าเข้าสู่ Grand Canal ของเมืองเวนิสแห่งนี้ แต่เดิมเป็นบ้านของ Peggy Guggenheim แกลเลอริสต์และนักสะสมสัญชาติอเมริกัน ที่ได้ถ่ายโอนให้อยู่ในความดูแลของ Solomon R. Guggenheim Foundation สถาบันสนับสนุนให้ผู้คนเกิดความเข้าใจและเห็นคุณค่าของงานศิลปะโมเดิร์นและร่วมสมัย ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานของ Kandinskys, Brancusis, Pollocks และ Dalis อีกทั้งยังมีภาพวาดที่มีชื่อเสียงของ Rene Magritte ชื่อว่า Empire of Light
ชิ้นงานศิลปะที่น่ามายลด้วยตาตัวเองเมื่อล่องเรือช้า ๆ ชมตึกอาคารผ่านเส้นทาง Grand Canal จะพบกับอาคารทรงเตี้ยสีขาว ควรปักหมุดให้เดินเข้ามาเพื่อเชยชมเหล่าชิ้นงานสะสมส่วนตัวของ Peggy Guggenheim เพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจในการเสพงานศิลปะจากหลากหลายศิลปิน
Gallerie dell’Accademia ท่องโลกแห่งศิลปะของเวนิส ผ่านกาลเวลาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 – 18
ชวนท่องโลกแห่งศิลปะของเวนิสไปกับ Gallerie dell’Accademia พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมชิ้นงานศิลปะกว่า 800 ชิ้นของเหล่าศิลปินชื่อดัง ชวนให้ดำดิ่งย้อนไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 – 18
Gallerie dell’Accademia ตั้งอยู่ใกล้กับสะพาน Accademia Bridge แต่เดิมเคยเป็นบ้านของ Scuola Grande di Santa Maria della Carità ปัจจุบันอาคารถูกปรับเปลี่ยนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานจากเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Titian (“La Pietà”), Canaletto, Giorgione (“La Tempesta”), Giovanni Bellini, Vittore Carpaccio (“Il ciclo delle storie di Sant’Orsola”), Cima da Conegliano, Veronese (“Il convito in casa di Levi”) ไปจนถึงผลงานศิลปะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ของ Canaletto, Guardi, Bellotto และ Longhi นอกนั้น ยังมีไฮไลท์ คือ ผลงานชื่อดังของดาวินชีที่ชื่อว่า Vitruvian Man
มาย้อนเวลากลับไปเสพผลงานศิลปะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 – 18 ที่พาให้ซึมซับตัวตนและอารมณ์ของหลากหลายศิลปิน สื่อผ่านผลงานกว่า 800 ชิ้น ณ Gallerie dell’Accademia
Ca’ d’Oro ปราสาททองคำที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมหลากรูปแบบ
เมื่อไปเยือนเวนิสนอกจากความคาดหวังที่จะได้ซึมซับกับชิ้นศิลปะจากหลากหลายศิลปินแล้ว งานสถาปัตยกรรมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้ Ca’ d’Oro ปราสาทหรูที่มี Grand Canal พาดผ่าน นับเป็นหมุดหมายสำหรับคนชอบเสพงานออกแบบจะต้องสะดุดตาตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงภายใน
สำหรับใครที่เป็นหลงใหลในงานสถาปัตยกรรมของยุโรปอาจจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตารูปลักษณ์ของ Ca’ d’Oro ที่มีความคล้ายคลึงกับ Palazzo Ducale 1 ในแลนด์มาร์กของเมืองเวนิส แตกต่างกันตรงที่ Ca’ d’Oro กลับถูกจัดวางในพื้นที่ที่เล็กกว่า และเน้นการประดับตกแต่งสื่อถึงเกียรติยศและความร่ำรวยของ Marin Contarini ผู้มาจากตระกูลทรงอิทธิพล โดยชื่อของปราสาทแห่งนี้แปลได้ว่า ‘House of Gold’ มีที่มาจากในอดีตบริเวณฟาซาดมีแผ่นทองคำที่ประดับประดาให้เกิดความระยิบระยับงดงาม อย่างไรก็ดี จุดเด่นสำคัญของอาคารนี้ คือ เป็นอาคารสไตล์เวนิสซึ่งมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสลาม และกอทิกได้อย่างลงตัวเช่นเดียวกับ Palazzo Ducale
ชมงานศิลปะกันอย่างจุใจแล้ว ก็อย่าลืมล่องเรือตาม Grand Canal เพื่อมาสัมผัสความงดงามของงานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ที่หยิบจับความงามหลากหลายรูปแบบมาผสมผสานกันให้โดดเด่น ดึงดูดหยุดมองที่ฟาซาดลวดลายวิจิตรด้านหน้า ก่อนเข้ามาเยือน Ca’ d’Oro