“เวนิส” เมืองที่ผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบันมีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ รวมไปถึง วิธีเดินทางเวนิส ที่ต้องพึ่งพาเครือข่ายคูคลองที่ลัดเลาะไหลผ่านเมือง
ทำให้รถยนต์สำหรับเมืองนี้แทบไม่ใช่สิ่งจำเป็น วิธีเดินทางเวนิส จึงเน้นบริการขนส่งสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาเยือนเวนิส ต้องศึกษาเส้นทางและการเดินทางให้ดี มาดูกันครับว่าคุณสามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะแบบใดได้บ้าง
- ช่องทางเริ่มต้นในการเข้าถึงเมืองเวนิส
รถไฟ
บนเกาะเวนิสมีสถานีรถไฟที่มีชื่อว่า Venezia Santa Lucia (Venezia S.Lucia) โดยสามารถนั่งรถไฟมาที่นี่ได้หลายช่องทาง เช่น
- จากฟลอเรนซ์ ขึ้นรถไฟความเร็วสูงมายังเวนิส ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
- จากมิลาน ขึ้นรถไฟความเร็วสูง และ Eurocity ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
- จากโรม ขึ้นรถไฟความเร็วสูงมายังเวนิส ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 45 นาที
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia แล้ว จึงค่อยนั่งเรือเมล์ (Vaporetti) เพื่อวิ่งลัดเลาะไปตาม Grand Canal ที่ไหลผ่านกลางเมืองเวนิส หรือถ้าใครอยากมองหาที่พักบนแผ่นดินใหญ่ สามารถเลือกลงที่สถานีรถไฟที่มีชื่อว่า Venezia Mestre อยู่ก่อนถึงเกาะ 1 สถานีก็ได้ ถือเป็นอีกวิธีทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเพราะที่พักที่อยู่ใกล้กับสถานี Venezia Mestre มีราคาไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับที่พักบนเกาะเวนิส โดยการเดินทางเพื่อไปเที่ยวยังเกาะเวนิสนั้น นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกหนึ่งสถานี โดยต้องมาลงที่สถานี Venezia Santa Lucia นั่นเอง
เครื่องบิน
เวนิสมีสนามบิน 2 แห่ง คือสนามบิน Venice Marco Polo ใช้เป็นสนามบินหลัก ตั้งอยู่บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ห่างจากเวนิสไปประมาณ 8 กิโลเมตร โดยมีเที่ยวบินทั้งจากยุโรป และนานาชาติมาลงจอด
เมื่อเดินทางมาถึงที่สนามบินแล้ว วิธีการเดินทางจากสนามบิน Venice Marco Polo เพื่อเข้ามายังเวนิสมีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็น
- การขึ้นรถบัสค่าย ACTV สาย 5 หรือค่าย ATVO สาย 35 ค่าโดยสาร 8 ยูโร ใช้เวลา 20 นาที โดยรถวิ่งจากสนามบินไปยัง Piazzale Roma ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทางเรือในเวนิส โดยสามารถขึ้นเรือไปทั่วเวนิสได้จากท่า P.le Poma ใกล้ ๆ จุดจอดรถบัส
- เรือขนส่ง (Water Bus) ของค่าย Alilaguna ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 15 ยูโร แม้จะสะดวก แต่ใช้เวลานานกว่ารถบัส
- เรือแท็กซี่ (Water Taxi) เหมาเรือขนาดเล็กไปลงยังจุดหมายได้ตามต้องการ บางลำคิดค่าโดยสารตามมิเตอร์ แต่บางลำคิดแบบเหมา อัตราประมาณ 100 ยูโร
นอกจากสนามบิน Venice Marco Polo แล้ว ยังมีสนามบินอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ Treviso Airport สนามบินนี้อยู่ห่างจากเวนิสไปราว 31 กิโลเมตร เป็นที่ลงจอดของสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น Ryan Ai, Wizz Air โดยการเดินทางจากสนามบิน Treviso Airport มายังเวนิสนั้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถบัสค่าย ATVO มาลงที่จัตุรัส Piazzale Roma ใช้เวลา 50 นาที อัตราค่าโดยสาร 12 ยูโร
รถยนต์
เนื่องจากบนเกาะเวนิสเป็นสถานที่ปลอดรถยนต์ ดังนั้นใครที่ขับรถเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังเกาะเวนิส จำเป็นจะต้องจอดรถไว้ที่เกาะ Tronchetto แล้วจึงค่อยต่อเรือเข้าไปยังเกาะเวนิส หรือจะจอดรถไว้ที่จัตุรัส Piazzale Roma ก็ได้
- เดินทางท่องเที่ยวในเวนิสด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
เมื่อเดินทางมาถึงเกาะเวนิสแล้ว ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม ด้วยเหตุผลที่ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ปราศจากรถยนต์ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าการเดินทางจะไม่สะดวกสบาย เพราะระบบขนส่งสาธารณะที่นี่มีมาตรฐาน และสามารถรองรับผู้คนได้หลากหลายกลุ่ม อาทิ
เรือโดยสาร (Vaporetti) หรือเรือเมล์ที่ลัดเลาะไปตาม Grand Canal คลองที่ไหลผ่านกลางเมืองเวนิส เรือเมล์เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่นิยมมากที่สุด มีสาย 1 และ 2 วิ่งจากจัตุรัส Piazzale Roma มาผ่านหน้าสถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia ที่ท่า Ferrovia แล้วไปสิ้นสุดที่ท่าเรือจัตุรัส San Marco ซึ่งเรือสาย 1 จะมีทุกป้าย ส่วนเรือสาย 2 จะจอดเฉพาะป้ายสำคัญ ช่วยให้ประหยัดเวลาการเดินทาง
แม้เรือทั้งสองสายจะใช้ชื่อท่าเรือเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วแยกจอดกันคนละท่า (สองท่าเรืออยู่ห่างกันไม่กี่เมตร) ก่อนขึ้นเรือนักท่องเที่ยวจะต้องซื้อตั๋วก่อนที่ตู้จำหน่ายตั๋วท่าเรือหน้าสถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia เสร็จแล้วให้นำตั๋วไปแตะที่เครื่องก่อนขึ้นเรือ เพื่อบันทึกเวลาในการใช้งาน โดยประเภทของตั๋วจะถูกกำหนดตามเวลาดังนี้
ตั๋ว 60 นาที ราคา 7 ยูโร สามารถขึ้น-ลงได้หลายครั้ง ภายใน 60 นาที แต่ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ห้ามย้อนกลับมายังเส้นทางเดิม
นอกจากนี้ ยังมีตั๋ว 24 ชั่วโมง ราคา 20 ยูโร, ตั๋ว 48 ชั่วโมง 30 ยูโร, 72 ชั่วโมง 40 ยูโร และ 7วัน 60 ยูโร ให้เลือกใช้ตามระยะเวลาที่เดินทางมาท่องเที่ยวภายในเกาะเวนิส
เรือแท็กซี่ (Water Taxi) ทำหน้าที่เหมือนรถแท็กซี่ ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารตามแต่จะว่าจ้างไป ให้ความสะดวกสบาย รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว คิดค่าโดยสารเริ่มต้นตามมิเตอร์ มีอัตราค่าโดยสารราว 40 ยูโร
เรือข้ามฟาก (Traghetto) ใช้เรือกอนโดลาเป็นพาหนะในการข้ามฟากระหว่างสองฝั่งแม่น้ำในพื้นที่ที่ไม่มีสะพานข้าม เพราะในเวนิสมีสะพานข้ามฝั่งเพียง 4 จุด เท่านั้น โดยเรือข้ามฟากนี้จะให้บริการใน 7 ท่าเรือ คิดค่าโดยสารคนละ 2 ยูโร
เรือกอนโดลา (Gondola) เรือสัญลักษณ์ของเวนิส พาหนะที่ใช้ล่องไปตามลำคลอง ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยอย่างดีของนักท่องเที่ยว โดยเส้นทางการไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ขึ้นอยู่ตามการตกลง นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือกอนโดลากันมากเพื่อชื่นชมวิวสองฝั่งคลอง โดยคิดค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 80 ยูโร ใช้เวลา 30 นาที สามารถนั่งได้ลำละไม่เกิน 6 คน ถ้าอยากให้คนพายเรือร้องเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศระหว่างการเดินทางจะต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มเติม
Didn’t you know?
ที่มาของเรือแจว “กอนโดลา”
เวนิสเป็นหมู่เกาะทางตอนเหนือของอิตาลี ในสมัยก่อนผู้คนมาเยือนที่นี่เพื่อลี้ภัยทางสงคราม และหลีกหนีความวุ่นวายของกรุงโรม เกิดจากการเชื่อมเกาะขนาดเล็กหลาย ๆ เกาะเข้าด้วยกัน ทำให้เวนิสมีสภาพภูมิศาสตร์ที่เต็มไปด้วยลำคลองหลายสาย แยกย่อยหลากหลายขนาด เพื่อใช้ลัดเลาะไปตามย่านต่าง ๆ ของเมือง
การเดินทางและวิถีชีวิตของชาวเมืองเวนิสจึงผูกพันกับสายน้ำ และนิยมเดินทางด้วยเรือทั้งการเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ หรือแม้แต่ในเมืองเวนิสเอง โดยมีแกรนด์คาแนล Grand Canal เป็นคลองสายหลักพาดผ่านเมือง ขณะเดียวกันในบางจุดที่มีลำคลองสายย่อย ขนาดไม่กว้างมากนัก เรือลำเล็กอย่างเรือกอนโดลาสามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้นได้อย่างสบาย โดยใช้ทำหน้าที่ทั้งการขนส่งสินค้าจากเรือลำใหญ่เข้ามาสู่เวนิส และจากท่าเรือซึ่งสิ่งของต่าง ๆ จะถูกลำเลียงต่อไปยังร้านค้า และบรรดาบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่งคลอง
ว่ากันว่าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เวนิสมีเรือกอนโดลาในเวนิสมากถึง 10,000 ลำ แต่ปัจจุบันเมื่อมีเรือยนต์เข้ามาแทนที่ จึงเหลือเรือกอนโดลาที่ได้รับอนุญาตให้พายในคลองจริง ๆ เพียง 400 ลำ โดยเรือกอนโดลาในยุคก่อนนั้นไม่ได้มีสีเดียวอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน แต่ได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรตระการตา จนดูคล้ายกับเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ จนเกิดเหตุวิวาทในเรื่องของการไม่เท่าเทียม รัฐจึงออกกฎให้สีของเรือเป็นสีดำทั้งหมด เพื่อตัดปัญหาการแบ่งฐานะรวย-จนดังกล่าว
จนกระทั่งตอนนี้ “เรือกอนโดลา” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง เวลาที่มีใครพูดถึงการมาท่องเที่ยวยังเกาะเวนิส โดยเรือกอนโดลาแต่ละลำมักทำจากไม้โอ๊ก ไม้สน และไม้มะฮอกกานี หนึ่งลำเรือสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 6 คน มีราคาว่าจ้างในอัตราที่ค่อนข้างสูง 70-80 ยูโร ใช้เวลาราว 30 นาที แต่นับว่าคุ้มค่าในการได้เก็บเกี่ยวชื่นชมความงดงามของภูมิทัศน์ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมืองเวนิส