เป็นคำถามยอดฮิตว่า ทริปเที่ยวเวนิส นั้นกี่วันถึงจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญได้ครอบคลุมที่สุด แนะนำว่า 3 วัน 2 คืน น่าจะเป็นระยะเวลาที่กำลังพอดี เป็นระยะเวลาที่คุณจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเวนิสได้ครบ
ทั้งยังมีเวลาไป one day trip ที่เกาะมูราโน่และบูราโน่ครึ่งวัน รวมถึงวันสุดท้ายยังสามารถไปนอนเล่นอาบแดดบนชายหาดที่ฮิตที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลีอย่างเกาะลิโด ปิดท้ายด้วยการเดินเล่นในตลาดท้องถิ่นและแวะทานอาหารมื้อค่ำก่อนลาเวนิสไปด้วยความประทับใจ
แพลนเที่ยวเวนิส 3 วัน 2 คืน
DAY 1 เช้า | เดินทางข้ามฝั่งมายังเวนิส สามารถจองขนส่งสารธารณะได้ที่ https://www.veneziaunica.it/en/e-commerce/services การท่องเที่ยวช่วงเช้าวันแรกของสายชิลจะเน้นเก็บแลนด์มาร์กที่สำคัญก่อน จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ St. mark’s square) พระราชวังดอจ (Doge’s Palace) มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica) หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile) สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) |
เที่ยง | ปิกนิกทานอาหารกลางวันที่สวนสาธารณะ Giardini della Biennale แนะนำซื้ออาหารจากร้าน Farini มีพิซซ่าและเบเกอรี่จำหน่าย |
บ่าย | โบสถ์ Basilica di San Pietro di Castello มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) โบสถ์ Church of San Giorgio Maggiore ล่องเรือชมแกรนด์ คาแนล (Grand Canal) |
เย็น | เข้าพักโรงแรมบนเกาะเวนิส |
DAY 2 เช้า | เดินทางไปเกาะมูราโน่ (Murano) พิพิธภัณฑ์การทำแก้ว The Murano Glass Museum โบสถ์ Basilica dei Santi Maria e Donato เดินทางไปเกาะบูราโน่ (Burano) พิพิธภัณฑ์ลูกไม้ Museo del Merletto โบสถ์ Saint Martin Bishop |
เที่ยง | พักทานอาหารกลางวันที่เกาะเวนิส แนะนำเดินเล่นเลือกร้านอาหารบนถนน Ruga Vecchia S.Giovanni ซึ่งเป็นถนนที่รวมร้านอาหารและขนมมากมาย |
บ่าย | สะพาน Ponte dell’ Accademia หอศิลป์ Gallerie dell’ Accademia พิพิธภัณฑ์ Peggy Guggenheim Collection |
เย็น | เข้าพักโรงแรมบนเกาะเวนิส |
DAY 3 เช้า | เดินทางไปเกาะลิโด (Lido di Venezia) Lido Beach |
เที่ยง | ทานอาหารกลางวันที่เกาะลิโด |
บ่าย | สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) ตลาดรีอัลโต (Rialto Market) พิพิธภัณฑ์ Ca’ Pesaro International Gallery of Modern Art พักนั่งเล่นที่สวนสาธารณะ Giardino Papadopoli เดินเล่นและช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้า T Fondaco dei Tedeschi by DFS สะพาน Constitution หรือ สะพาน Calatrava เลือกร้านอาหารในซอย Calle della Madonna ซึ่งเป็นถนนที่รวมร้านอาหารอร่อยมากมายก่อนเดินทางออกจากเวนิส |
เย็น | เดินทางกลับฝั่งแผ่นดินใหญ่ หรือเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น |
DAY 1
จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ St. mark’s square)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/18CvX9iA7kG5okvg7)
จัตุรัสที่โด่งดังที่สุดของเมืองและเป็นจัตุรัสเดียวของเวนิสที่มีชื่อว่า Piazza ตั้งอยู่ริมทะเลทางใต้ของเกาะ เลยปากคลองแกรนด์คาแนลออกไปเล็กน้อย รอบจัตุรัสล้อมรอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามและมีคาเฟ่ริมทางเดินที่เรียงรายอยู่บริเวณจัตุรัส ที่นี่ถือเป็นจุดท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเวนิสและยังมีบทบาทสำคัญในชีวิตของชาวเวนิสมากว่า 10 ศตวรรษ ชาวเวนิสเรียกพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่แห่งนี้ว่า El Piazza ทั้งยังได้ชื่อว่าห้องรับแขกของยุโรป โดยคำพูดนี้นั้นเป็นคำพูดของนโปเลียน
พระราชวังดอจ (Doge’s Palace)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/tuJnYzCtB2LBdfMF7)
พระราชวังที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกแบบเวนิส สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1340 วังแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักที่พักของดยุคผู้ปกครองเวนิส ผู้ปกครองสูงสุดของอดีตสาธารณรัฐเวนิส ทั้งนี้ยังเป็นที่ทำงานของเหล่าขุนนาง เป็นที่ประชุม เป็นที่ตัดสินคดีความและเป็นศูนย์รวมอำนาจของเวนิส พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ใน ค.ศ. 1923 ปัจจุบันได้เป็นหนึ่งใน 11 พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการดำเนินการโดย Fondazione Musei Civici di Venezia ภายในจัดแสดงสมบัติยุคโบราณที่สวยงามมากมาย อีกทั้งยังได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหราหลากหลายรูปแบบทั้งแบบไบแซนไทน์ เรอแนซ็องส์และคลาสสิกสมัยใหม่
บัตรเข้าชม
- บัตรธรรมดา เป็นบัตรรวมสามารถชมพระราชวังโดเจได้ 1 ครั้ง และเข้าพิพิธภัณฑ์เพิ่มได้ ภายใน 3 เดือน คือ Museo Correr, Museo Archeologico Nazionale un Monumental Rooms of the Biblioteca Nazionale Marciana)
- บัตรพิเศษ Secret Itineraries Tour เป็นเส้นทางพิเศษไปยังห้อง ต่างๆ ที่นำโดยไกด์มีรอบภาษาอังกฤษ 09:55, 10:45 และ 11:35 น. โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นสามารถเดินชมส่วนต่างๆ ได้เช่นเดียวกับบัตรธรรมดา
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/UKurNQ5ttCfTnWE16)
มหาวิหารประจำเขตเวนิส รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบกอทิกประกอบไปด้วยประตูซุ้มโค้งห้าแห่งคล้ายกับศิลปะโรมัน เดิมตัวโบสถ์เป็นโบสถ์น้อยของประมุขผู้ครองเวนิส ตกแต่งด้วยประติมากรรมต่าง ๆ ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส รวมถึงสมบัติมากมายจากสงครามครูเสด ภายในมหาวิหารเซนต์มาร์กมีกระเบื้องโมเสคมากเพียงพอที่จะครอบคลุมสนามอเมริกันฟุตบอลมากถึง 1.5 สนาม โดยกระเบื้องโมเสคเหล่านี้นั้นถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และด้วยสีทองสว่างไสวของกระเบื้องโมเสคนี้เองจึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่า “Chiesa d’Oro” หรือ “โบสถ์ทอง”
ภายในโบสถ์เปิดให้เข้าชมฟรี แต่ห้ามถ่ายภาพ ส่วนพื้นที่อื่นๆ ภายในมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/KTC5frFFqdreBbWt7)
หอระฆังตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับจัตุรัส San Macro (Piazza San Marco) ตัวหอระฆังสูง 98.6 เมตร ตั้งอยู่ใกล้กับด้านหน้ามหาวิหารซันมาร์โก ข้างบนหอระฆังสามารถขึ้นไปเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้แบบ 360 องศารูปแบบการก่อสร้างนั้นเรียบง่ายด้วยการเรียงอิฐสี่เหลี่ยมกันเป็นชั้น ๆ เหนือขึ้นไปมีระเบียงล้อมรอบหอระฆัง ซึ่งประกอบด้วยระฆัง 5 ใบ หลังคาของหอระฆังถูกครอบด้วยยอดแหลมทรงพีระมิด หอระฆังแห่งนี้สร้างขึ้นในรูปแบบของหอเดิมตั้งแต่ ค.ศ. 1514 และถูกสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 1912 เสริมด้วยการบูรณะฐานรากใหม่เพื่อป้องกันการทรุดตัวของหอระฆัง
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/ixYr7GwCCrYrHqm58)
สะพานถอนหายใจสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำพาเลซ ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อระหว่างห้องสอบสวนของวังดยุกกับเรือนจำซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนชื่อ ‘Bridge of Sighs’ ตั้งโดยลอร์ดไบรอน กวีแห่งศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานท้องถิ่น นักโทษที่เดินข้ามไปยังเรือนจำมักจะถอนหายใจ เนื่องจากพวกเขาจะได้เห็นเมืองผ่านหน้าต่างและเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นแสงอาทิตย์ สะพานโค้งทอดข้ามคลองมีหลังคาและผนังแข็งแรงกันไม่ให้นักโทษกระโดดน้ำ นอกจากเรื่องเศร้าแล้วยังมีอีกหนึ่งตำนานกล่าวว่าหากคู่รักที่ล่องเรือกอนโดลาผ่านยามพระอาทิตย์ตกและจุมพิตกันใต้สะพาน พวกเขาได้รับความรักและความสุขชั่วนิรันดร์
สวนสาธารณะ Giardini della Biennale
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/5vR5htxDAZG29qNN8)
สวนสาธารณะเก่าแก่ของเวนิสเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลศิลปะ Venice Biennale ซึ่งมีความสำคัญทางวัฒนธรรมของเมือง ภายในสวนมีศาลาถาวร 30 แห่งเพื่อสำหรับไว้จัดสรรให้แต่ละประเทศไว้จัดแสดงผลงานทางศิลปะ สวนแห่งนี้ออกแบบโดยนโปเลียน โบนาปาร์ตเมื่อต้นศตวรรษที่ 19
โบสถ์ Basilica di San Pietro di Castello
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/SEZkXDnuEz3cf5W26)
โบสถ์ Basilica of St Peter of Castello หรือ San Pietro di Castello มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเวนิส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 775 ถึงปี ค.ศ. 1451 เป็นมหาวิหารย่อยของนิกายโรมันคาธอลิกแห่งสังฆราชแห่งเวนิส โบสถ์แห่งนี้ได้รับการบูรณะหลายครั้งโดยสถาปนิก Andrea Palladio ได้รับมอบหมายงานจากพระสังฆราช Vincenzo Diedo เพื่อสร้างส่วนหน้าอาคารและภายในของ St Pietro ขึ้นมาใหม่ รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยอิงการออกแบบดั้งเดิมของ Andrea Palladio
สามารถจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ คลิก
มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Santa Maria Della Salute)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/nDAyYiU9fUgnhfmJ8)
มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า หรือ Salute ตั้งอยู่ใกล้กับปลายแหลมที่เป็นจุดบรรจบของแกรนด์ คาแนลกับคลอง Giudecca ตรงข้ามกับจัตุรัสซานมาร์โค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 หลังการระบาดครั้งใหญ่ของกาฬโรคในเวนิส เพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ปกป้องเวนิส ใช้เวลาสร้าง 50 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1681 ตัววิหารเป็นลักษณะเป็นทรงกลมแบบศิลปะบาโรกที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Punta della Dogana
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ คลิก
โบสถ์ San Giorgio Maggiore
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/HjgXyZK4sED7Yjkp8)
โบสถ์ของนิกาย Benedictine สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1566-1610 ในรูปแบบ Classic Renaissance ตั้งอยู่บนเกาะฝั่งตรงข้ามกับ Doje’s Palace นอกจากหอระฆังแล้วด้านหลังยังมีลิฟต์ให้ขึ้นไปชั้นสุดซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สวยงาม
เข้าชมฟรี
แกรนด์ คาแนล (Grand Canal)
กิจกรรมสุดคลาสสิกในการท่องเที่ยวเวนิสคงหนีไปพ้นการนั่งเรือชมความงามของเมืองไปตามแกรนด์ คาแนล ซึ่งในภาษาอิตาเลียนเรียกว่า คานาเล่ แกรนเด้ (Canale Grande) เป็นคลองขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเวนิส อีกทั้งคลองแห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจต้องการจะล่องเรือกอนโดล่า (Gondola) ตัวคลองพาดผ่านกลางเวนิสด้วยเส้นทางที่เป็นรูปร่าง S กลับด้านขนาดใหญ่ที่มีความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 3.8 กิโลเมตร กว้างเฉลี่ยประมาณ 30 – 90 เมตร และมีความลึกโดยประมาณ 5 เมตร ปลายด้านหนึ่งของคลองนั้นเริ่มต้นที่ทะเลสาบใกล้กับสถานีรถไฟซานตาลูเซีย ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นไหลทะลุไปสู่ปลายคลองบริเวณที่เป็นแอ่งซานมาร์โกเชื่อมต่อสู่คลองจูเดกกา
ล่องเรือตามแกรนด์ คาแนลด้วยกอนโดล่า
กอนโดล่าเป็นเรือขนาดเล็กมีคนบังคับหนึ่งคนที่ท้ายเรือ โดยเรือหนึ่งลำสามารถบรรจุคนได้ 1-5 คน มีจุดให้บริการทั่วทั้งเวนิสแต่ละท่าเรือจะมีขอบเขตการล่องเรือที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ให้บริการตั้งแต่ 11.00-21.00 น. สามารถจ่ายเงินที่ท่าเรือหรือจองออนไลน์ล่วงหน้าก็ได้เช่นกัน ใครอยากล่องเรือตามคลองเล็กคลองน้อยดูบ้านเรือนแบบไม่พลุกพล่านก็สามารถเลือกท่าเรือที่อยู่ห่างจากแกรนด์ คาแนลไปหน่อย แต่หากใครอยากชมสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแกรนด์ คาแนลก็สามารถเลือกท่าเรือกอนโดล่าจากท่าใหญ่ ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวได้เลย
จองตั๋วล่องเรือกอนโดล่าล่วงหน้าได้ที่ คลิก
ล่องเรือตามแกรนด์ คาแนลด้วยเรือโดยสาร (Vaporetti)
หากใครไม่เจาะจงว่าต้องนั่งกอนโดล่าให้ได้สักครั้งในชีวิต เราแนะนำให้นั่งเรือโดยสายสาย 1 และ สาย 2 ที่เส้นทางการเดินเรือจะผ่านแกรนด์ คาแนล ทั้งยังจอดรับ-ส่งผู้โดยสายในป้ายที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยสามารถซื้อตั๋วได้ทั้งแบบเที่ยวเดียวและตั๋วรายวัน
จองตั๋วเรือโดยสารล่วงหน้าได้ที่ คลิก
DAY 2
เกาะมูราโน่ (Murano)
Murano เป็นอีกหนึ่งเกาะที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเที่ยวพร้อมกับบูราโน่ที่อยู่ห่างกันเพียง 35 นาทีจากการนั่งเรือจากท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่า Fondamente Nove โดยเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในทะเลสาบเวนิส มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตเครื่องแก้วแบบดั้งเดิม โดยหลักฐานทางโบราณคดีแสดงว่า การทำแก้วในแถบนี้มีมาตั้งแต่ปีศตวรรษที่ 4-5 และรุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงศตวรรษที่ 12-14 ซึ่งได้รับอิทธิพลจากซีเรีย อียิปต์และตุรกีในปัจจุบัน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
พิพิธภัณฑ์การทำแก้ว The Murano Glass Museum
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/mkHiF3HcZZ7YTWGm9)
ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับกระบวนการทำแก้ว ประวัติความเป็นมา และงานฝีมือจากแก้วในรูปแบบต่างๆ ตัวอาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิคซึ่งเป็นบ้านเดิมของบิชอปแห่ง Tocello ต่อมาในปี ค.ศ. 1923 เมื่อเกาะมูราโน่รวมเข้ากับเวนิส พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เวนิสด้วย
โบสถ์ Basilica dei Santi Maria e San Donato
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/cYx5Gu9XFvR7JjLr9)
โบสถ์ Santa Maria e San Donato เป็นอาคารทางศาสนาว่ากันว่าเป็นที่บรรจุพระธาตุของนักบุญโดนาตุสแห่งยูโรเออา โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลสาบเวนิส เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 และเป็นที่รู้กันว่าได้รับการสร้างขึ้นใหม่ระหว่างปี ค.ศ. 1125 ถึงปี ค.ศ. 1040 ด้านสถาปัตยกรรมบริเวณแท่นบูชาในโบสถ์ โบสถ์และหอระฆังสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดงเข้มโดยไม่มีการฉาบปูน ทางเข้าหลักของโบสถ์หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ส่วนหน้าอาคารด้านตะวันออกที่มีเสาเรียงเป็นแนวซึ่งหันหน้าไปทางคลอง พื้นกระเบื้องโมเสคหินสีสันสดใสของโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1140
เกาะบูราโน่ (Burano)
Burano เป็นเกาะขนาดเล็กที่สวยงาม ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเวนิส ประกอบไปด้วย 5 เกาะย่อยที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพาน ตัวเกาะตั้งอยู่ห่างจาก San Macro ประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที ค่าเรือราคา 25 ยูโรสำหรับตั๋ววันและ 9.5 ยูโรต่อเที่ยว สำหรับใครที่มาเวนิสและมีเวลามากกว่าหนึ่งวัน เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวเกาะแห่งนี้แบบ one day trip ใช้เวลาเที่ยวทั้งเกาะไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็เดินครบแล้ว โดยเกาะบูราโน่มีชื่อเสียงในด้านการทำลูกไม้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานานกว่า 1,500 ปี รวมถึงยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีสีสันสดใสสวยงาม โดยมีจุดเริ่มต้นเพื่อต้องการให้ชาวประมงสามารถมองเห็นสีของบ้านตัวเองได้จากระยะไกล ใครที่รักการถ่ายรูปต้องไม่พลาด
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
พิพิธภัณฑ์ลูกไม้ Museo del Merletto
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/5y2Pwqe4XCHBYRFN6)
ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นของลูกไม้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีตัวอย่างงานถักลูกไม้
โบสถ์ Saint Martin Bishop
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/uHbTcXwALFr4q7GK6)
เป็นโบสถ์ในนิกายโรมันคาทอลิกสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 16
สะพาน Ponte dell’ Accademia
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/wxwbk5nEHS9vNXzJ9)
สะพานตั้งอยู่ทางใต้สุดห่างเป็นสะพานข้ามแกรนด์ คาแนลสุดท้ายของเวนิส สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเหล็ก ต่อในปี ค.ศ. 1933 ได้ไปเปลี่ยนเป็นสะพานไม้ และถูกบูรณะให้แข็งแรงขึ้นในปี ค.ศ. 1986
หอศิลป์ Gallerie dell’ Accademia
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/s9WMkjGdnB3fTzKm6)
หอศิลป์ Gallerie dell’Accademia สถานที่รวบรวมผลงานศิลปะที่เกิดจากศิลปินชาวเวนิสโดยเฉพาะ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1817 เป็นต้นมา ภายในหอศิลป์มีภาพระดับมาสเตอร์พีชที่น่าสนใจ เช่น Feast in the House of Levy ผลงานของ Paolo Veronese เป็นภาพวาดขนาดใหญ่กว้าง 5 เมตร ยาว 13 เมตร ซึ่งคนรู้จักกันอีกชื่อว่าเป็นภาพพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู, Pieta ภาพสุดท้ายในชีวิตของ Tiian ในวันที่พระแม่มารีเสียใจหลังจากพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน นอกจากนี้ยังมีผลงานจากศิลปินอีกกว่า 30 ชีวิตที่สร้างสรรค์งานศิลปะจัดแสดงไว้ที่นี่
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
พิพิธภัณฑ์ Peggy Guggenheim Collection
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/cXoPMPvi52Dv8FX16)
พิพิธภัณฑ์ Peggy Guggenheim Collection อดีตบ้านพักของ Peggy Guggenheim เศรษฐีชาวอเมริกัน หลังจากมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกและได้ซื้องานศิลปะสะสมไว้ โดยนำมาเก็บรักษาไว้ในบ้านพักของตนเองในเมืองเวนิส เมื่อเสียชีวิต บ้านหลังนี้จึงถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะที่สะสมไว้
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
DAY 3
สถานที่ท่องเที่ยว
เกาะลิโด (Lido di Venezia)
Lido เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเวนิส ทั้งยังอยู่ใกล้เวนิสมากที่สุดใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสารเพียง 10 นาที ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางช่วงฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี นักท่องเที่ยวสามารถมานอนเล่นผ่อนคลายที่ชายหาดที่มีชายหาดยาวกว่า 12 กม. ที่นี่ยังมี Lido’s Casino ให้นักท่องเที่ยวได้ลองเสี่ยงดวงกัน ฤดูกาลที่คึกคักที่สุดจะเริ่มในเดือนกรกฎาคมและสิ้นสุดในปลายเดือนกันยายน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
Lido Beach
(พิกัดhttps://maps.app.goo.gl/bUvCBNZAFPZ4hFPKA)
สถานที่ตากอากาศที่ได้ความนิยมสูงของอิตาลี โดยรอบมีทั้งโรงแรมและร้านอาหารบริการมากมาย
สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/ZARoBJWmHbCk4kx87)
Ponte di Rialto หรือ Rialto Bridge นั้นเปรียบได้ว่าเป็นหัวใจที่แท้จริงของเวนิสเป็นสะพานที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของเมือง สะพานสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1854 เป็นสะพานทรงโค้งที่ยาว 7.5 เมตร หรือประมาณ 24 ฟุต รูปแบบแรกของสะพาน Rialto นั้นมีโครงสร้างขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนไม้มากกว่า 12,000 ชิ้น ต่อมาสะพานได้รับการบูรณะโดย Antonio Da Ponte ชนะจิตรกรชื่อดังอย่าง Michelangelo ขึ้นแทนที่สะพานเก่า ปัจจุบันสะพานมีทางเดินทั้งหมดสามทาง ประกอบไปด้วยทางเดินตรงกลางและขนาบด้วยบริเวณสองข้างของรั้วด้านนอก มีร้านค้าขนาดเล็กที่ขายสินค้ามากมายสำหรับนักท่องเที่ยว
ตลาดรีอัลโต (Rialto Mercato)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/MT6rSALweEDKYfkt5)
ตลาดรีอัลโต้เป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในเวนิส ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1097 ใช้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าที่ขนส่งทางเรือ จนปีศตวรรษที่ 16 เกิดไฟไหม้ตลาดทำให้ต้องสร้างอาคารหลังใหม่ซึ่งเป็นอาคารปัจจุบัน ใครอยากเดินชมตลาดที่คนในพื้นที่เดินจับจ่ายกันสามารถเดินไปแวะชมได้ ตลาดเปิด 7.00-15.00 น. ปิดทุกวันอาทิตย์
พิพิธภัณฑ์ Ca’ Pesaro International Gallery of Modern Art
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/CKsmJ1p2DUXN4Dkn9 )
Ca’ Pesaro เป็นพระราชวังหินอ่อนสไตล์บาโรกที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ หันหน้าไปทางแกรนด์ คาแนล สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเวนิส บัลดัสซาร์เร ลองเฮนา ซึ่งเป็นผู้ออกแบบโบสถ์ Salute และ Ca’ Rezzonico ด้วย การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1659 ระหว่างปี ค.ศ. 1908 ถึงปี ค.ศ. 1924 ถูกใช้เพื่อจัดนิทรรศการ Bevilacqua La Masa จนกระทั่งในปี ค.ศ.1898 ก่อนจะถูกยกให้เป็นทรัพย์สินของเมืองเวนิสใน ภายในเต็มไปด้วยงาน Fresco ภาพสีน้ำมัน และ Art Collection
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมและจองตั๋วออนไลน์ได้ที่ คลิก
สวนสาธารณะ Giardino Papadopoli
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/YJH57QLB5fyyddyj8)
สวนสาธารณะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1834 โดย Francesco Bagnara ในสไตล์อังกฤษ สวนแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ประมาณปี ค.ศ. 1920 ปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียวอันเงียบสงบที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนนัก เหมาะสำหรับมานั่งพักจิบกาแฟและปิกนิกแซนด์วิชจากร้านท้องถิ่นแถวนั้น
ศูนย์การค้า T Fondaco dei Tedeschi by DFS
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/W2U3bW4gRsLr3Wcz7)
ตัวอาคารถูกรีโนเวตมาจากอาคารไปรษณีย์เดิมเวนิส ตั้งอยู่ใกล้สะพานอีรัลโต้ สามารถมาแวะซื้อของแบรนด์เนมและสินค้าปลอดภาษีก่อนออกจากเวนิสได้ เปิด 10.00 น.-20.00 น.
สะพาน Constitution หรือ สะพาน Calatrava
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/Ce62cLQDybdmJmCU6)
สะพานรูปทรงโมเดิร์น ออกแบบโดย Santiago Calatrava ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกกันว่าสะพาน Calatrava (Ponte di Calatrava) ตามผู้ออกแบบ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 21 โดยเปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2008 มีรูปทรงโค้งมนทันสมัย สะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่าสะพาน Constitution เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของอิตาลี
วันหยุดอิตาลี ก่อนไปเที่ยวเวนิตรวจดูช่วงวันหยุดของประเทศอิตาลีห่อนวางแพลน เนื่องจากร้านค้า ร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์มักจะหยุดให้บริการ
1 มกราคม วันหยุดปีใหม่
6 มกราคม วัน Epifania : เป็นวันระลึกถึงพระคริสต์
เทศกาลอีสเตอร์ ระหว่างปลายมีนาคมหรือต้นเมษายน ซึ่งจะไม่ตรงกันในแต่ละปี
25 เมษายน Festa della Liberazione วันฉลองอิสรภาพ
1 พฤษภาคม Festa del Lavoro วันแรงงาน
15 สิงหาคม วัน Ferragosto วันฉลองพระแม่มารีย์ขึ้นสวรรค์
1 พฤศจิกายน วัน Ognissanti วันนักบุญ
8 ธันวาคม วัน Concezione Immaculate วันพระแม่มารีย์รับสาร
25 ธันวาคม วันคริสต์มาส (บางแห่งปิดทำการยาวตั้งแต่คริสต์มาสถึงปีใหม่)
26 ธันวาคม วัน Santo Stefano วันนักบุญสเตฟาน
Tips
- การเข้าห้องน้ำในเวนิสต้องเสียค่าบริการประมาณ 1 ยูโร แนะนำให้แลกเงินไปด้วย
- คำทักทายในภาษาอิตาลี Ciao (เชา) แปลว่า สวัสดี, Grazie (กราเซีย) แปลว่า ขอบคุณ, Scusi (สกูสิ) แปลว่า ขอโทษ
- โซนเวลาของเวนิส ช่วงฤดูร้อนช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม. และฤดูหนาวช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.
- ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือ 220 โวลต์ ปลั๊กเป็นแบบกลม 2 ขา หรือ 3 ขา แนะนำเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟและปลั๊กพ่วงไปด้วย