ใครที่มีทริปเที่ยวอิตาลีแล้วไม่เผื่อเวลาสักวันแวะไปเวนิสบอกเลยว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง อันที่จริงหากจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวแบบครบจบ รวมถึงแวะเวียนไปเที่ยวเกาะใกล้เคียงจากเวนิสเผื่อเวลาสัก 3 วัน 2 คืนกำลังดี แต่หากมีเวลาจำกัด ทริปเที่ยวเวนิส แบบ one day trip ก็ทำได้เช่นกัน
โดยจะเน้นเที่ยวในเวนิส เดินลัดเลาะบ้านเรือน นั่งเรือชมแกรนด์ คาแนลและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ แล้วค่อยบอกลาเมืองแห่งสายน้ำช่วงพลบค่ำก็นับว่าแสนคุ้มค่าแล้วสำหรับการท่องเที่ยวเต็มวันกับเมืองที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
การเที่ยวเวนิสแบบ one day trip โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางมาจากเมืองอื่นแล้วแวะเที่ยวเวนิส ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงนิยมฝากกระเป๋าเดินทางไปที่สถานีรถไฟหรือโรงแรมจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่า Venice Mestre เนื่องจากโรงแรมบนฝั่งแผ่นดินใหญ่จะมีราคาถูกกว่าเวนิสเป็นเท่าตัว ส่วนการเดินทางมายังเวนิสก็สามารถมาได้หลายทาง ทั้งทางรถไฟ รถบัส เรือแท็กซี่และเรือบัส ตามงบประมาณและความสะดวกในช่วงเวลานั้น
แพลน one day trip in Venice
เช้า | เดินทางข้ามฝั่งมายังเวนิส สามารถจองขนส่งสารธารณะได้ที่ https://www.veneziaunica.it/en/e-commerce/services การท่องเที่ยวช่วงเช้าจะเน้นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ ๆ กัน สามารถเดินทางได้สะดวก -จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ St. mark’s square) -พระราชวังดอจ (Doge’s Palace) -มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica) -หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile) -สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) |
เที่ยง | พักทานอาหารกลางวัน แนะนำเดินเล่นเลือกร้านอาหารบนถนน Ruga Vecchia S.Giovanni ซึ่งเป็นถนนที่รวมร้านอาหารและขนมมากมาย |
บ่าย | การท่องเที่ยวช่วงบ่ายจะเป็นการล่องเรือในเส้นทางแกรนด์ คาแนล โดยสามารถเลือกได้ทั้งเรือโดยสายและเรือกอนโดล่า ปิดท้ายด้วยสะพานสะพาน Constitution หรือ สะพาน Calatrava ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟและสถานีรถบัส เพื่อความสะดวกในการเดินทางกลับ -แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” -มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) -สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) -สะพาน Constitution หรือ สะพาน Calatrava |
เย็น | เดินทางกลับฝั่งแผ่นดินใหญ่ หรือเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น |
สถานที่ท่องเที่ยวช่วงเช้า
จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ St. mark’s square)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/18CvX9iA7kG5okvg7)
จัตุรัสที่โด่งดังที่สุดของเมืองและเป็นจัตุรัสเดียวของเวนิสที่มีชื่อว่า Piazza ตั้งอยู่ริมทะเลทางใต้ของเกาะ เลยปากคลองแกรนด์คาแนลออกไปเล็กน้อย รอบจัตุรัสล้อมรอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามและมีคาเฟ่ริมทางเดินที่เรียงรายอยู่บริเวณจัตุรัส ที่นี่ถือเป็นจุดท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเวนิสและยังมีบทบาทสำคัญในชีวิตของชาวเวนิสมากว่า 10 ศตวรรษ ชาวเวนิสเรียกพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่แห่งนี้ว่า El Piazza ทั้งยังได้ชื่อว่าห้องรับแขกของยุโรป โดยคำพูดนี้นั้นเป็นคำพูดของนโปเลียน
พระราชวังดอจ (Doge’s Palace)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/tuJnYzCtB2LBdfMF7)
พระราชวังที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกแบบเวนิส สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1340 วังแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักที่พักของดยุคผู้ปกครองเวนิส ผู้ปกครองสูงสุดของอดีตสาธารณรัฐเวนิส ทั้งนี้ยังเป็นที่ทำงานของเหล่าขุนนาง เป็นที่ประชุม เป็นที่ตัดสินคดีความและเป็นศูนย์รวมอำนาจของเวนิส พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ใน ค.ศ. 1923 ปัจจุบันได้เป็นหนึ่งใน 11 พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการดำเนินการโดย Fondazione Musei Civici di Venezia ภายในจัดแสดงสมบัติยุคโบราณที่สวยงามมากมาย อีกทั้งยังได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหราหลากหลายรูปแบบทั้งแบบไบแซนไทน์ เรอแนซ็องส์และคลาสสิกสมัยใหม่
บัตรเข้าชม
- บัตรธรรมดา เป็นบัตรรวมสามารถชมพระราชวังโดเจได้ 1 ครั้ง และเข้าพิพิธภัณฑ์เพิ่มได้ ภายใน 3 เดือน คือ Museo Correr, Museo Archeologico Nazionale un Monumental Rooms of the Biblioteca Nazionale Marciana)
- บัตรพิเศษ Secret Itineraries Tour เป็นเส้นทางพิเศษไปยังห้อง ต่างๆ ที่นำโดยไกด์มีรอบภาษาอังกฤษ 09:55, 10:45 และ 11:35 น. โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นสามารถเดินชมส่วนต่างๆ ได้เช่นเดียวกับบัตรธรรมดา
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/UKurNQ5ttCfTnWE16)
มหาวิหารประจำเขตเวนิส รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบกอทิกประกอบไปด้วยประตูซุ้มโค้งห้าแห่งคล้ายกับศิลปะโรมัน เดิมตัวโบสถ์เป็นโบสถ์น้อยของประมุขผู้ครองเวนิส ตกแต่งด้วยประติมากรรมต่าง ๆ ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส รวมถึงสมบัติมากมายจากสงครามครูเสด ภายในมหาวิหารเซนต์มาร์กมีกระเบื้องโมเสคมากเพียงพอที่จะครอบคลุมสนามอเมริกันฟุตบอลมากถึง 1.5 สนาม โดยกระเบื้องโมเสคเหล่านี้นั้นถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และด้วยสีทองสว่างไสวของกระเบื้องโมเสคนี้เองจึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่า “Chiesa d’Oro” หรือ “โบสถ์ทอง”
ภายในโบสถ์เปิดให้เข้าชมฟรี แต่ห้ามถ่ายภาพ ส่วนพื้นที่อื่นๆ ภายในมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campile)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/KTC5frFFqdreBbWt7)
หอระฆังตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับจัตุรัส San Macro (Piazza San Marco) ตัวหอระฆังสูง 98.6 เมตร ตั้งอยู่ใกล้กับด้านหน้ามหาวิหารซันมาร์โก ข้างบนหอระฆังสามารถขึ้นไปเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้แบบ 360 องศารูปแบบการก่อสร้างนั้นเรียบง่ายด้วยการเรียงอิฐสี่เหลี่ยมกันเป็นชั้น ๆ เหนือขึ้นไปมีระเบียงล้อมรอบหอระฆัง ซึ่งประกอบด้วยระฆัง 5 ใบ หลังคาของหอระฆังถูกครอบด้วยยอดแหลมทรงพีระมิด หอระฆังแห่งนี้สร้างขึ้นในรูปแบบของหอเดิมตั้งแต่ ค.ศ. 1514 และถูกสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 1912 เสริมด้วยการบูรณะฐานรากใหม่เพื่อป้องกันการทรุดตัวของหอระฆัง
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าและดูบัตรชนิดอื่นเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/ixYr7GwCCrYrHqm58)
สะพานถอนหายใจสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำพาเลซ ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อระหว่างห้องสอบสวนของวังดยุกกับเรือนจำซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนชื่อ ‘Bridge of Sighs’ ตั้งโดยลอร์ดไบรอน กวีแห่งศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานท้องถิ่น นักโทษที่เดินข้ามไปยังเรือนจำมักจะถอนหายใจ เนื่องจากพวกเขาจะได้เห็นเมืองผ่านหน้าต่างและเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นแสงอาทิตย์ สะพานโค้งทอดข้ามคลองมีหลังคาและผนังแข็งแรงกันไม่ให้นักโทษกระโดดน้ำ นอกจากเรื่องเศร้าแล้วยังมีอีกหนึ่งตำนานกล่าวว่าหากคู่รักที่ล่องเรือกอนโดลาผ่านยามพระอาทิตย์ตกและจุมพิตกันใต้สะพาน พวกเขาได้รับความรักและความสุขชั่วนิรันดร์
สถานที่ท่องเที่ยวช่วงบ่าย
แกรนด์ คาแนล (Grand Canal)
กิจกรรมสุดคลาสสิกในการท่องเที่ยวเวนิสคงหนีไปพ้นการนั่งเรือชมความงามของเมืองไปตามแกรนด์ คาแนล ซึ่งในภาษาอิตาเลียนเรียกว่า คานาเล่ แกรนเด้ (Canale Grande) เป็นคลองขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเวนิส อีกทั้งคลองแห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจต้องการจะล่องเรือกอนโดล่า (Gondola) ตัวคลองพาดผ่านกลางเวนิสด้วยเส้นทางที่เป็นรูปร่าง S กลับด้านขนาดใหญ่ที่มีความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 3.8 กิโลเมตร กว้างเฉลี่ยประมาณ 30 – 90 เมตร และมีความลึกโดยประมาณ 5 เมตร ปลายด้านหนึ่งของคลองนั้นเริ่มต้นที่ทะเลสาบใกล้กับสถานีรถไฟซานตาลูเซีย ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นไหลทะลุไปสู่ปลายคลองบริเวณที่เป็นแอ่งซานมาร์โกเชื่อมต่อสู่คลองจูเดกกา
ล่องเรือตามแกรนด์ คาแนลด้วยกอนโดล่า
กอนโดล่าเป็นเรือขนาดเล็กมีคนบังคับหนึ่งคนที่ท้ายเรือ โดยเรือหนึ่งลำสามารถบรรจุคนได้ 1-5 คน มีจุดให้บริการทั่วทั้งเวนิสแต่ละท่าเรือจะมีขอบเขตการล่องเรือที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ให้บริการตั้งแต่ 11.00-21.00 น. สามารถจ่ายเงินที่ท่าเรือหรือจองออนไลน์ล่วงหน้าก็ได้เช่นกัน ใครอยากล่องเรือตามคลองเล็กคลองน้อยดูบ้านเรือนแบบไม่พลุกพล่านก็สามารถเลือกท่าเรือที่อยู่ห่างจากแกรนด์ คาแนลไปหน่อย แต่หากใครอยากชมสถานที่ท่องเที่ยวริมฝั่งแกรนด์ คาแนลก็สามารถเลือกท่าเรือกอนโดล่าจากท่าใหญ่ ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวได้เลย
จองตั๋วล่องเรือกอนโดล่าล่วงหน้าได้ที่ คลิก
ล่องเรือตามแกรนด์ คาแนลด้วยเรือโดยสาร (Vaporetti)
หากใครไม่เจาะจงว่าต้องนั่งกอนโดล่าให้ได้สักครั้งในชีวิต เราแนะนำให้นั่งเรือโดยสายสาย 1 และ สาย 2 ที่เส้นทางการเดินเรือจะผ่านแกรนด์ คาแนล ทั้งยังจอดรับ-ส่งผู้โดยสายในป้ายที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยสามารถซื้อตั๋วได้ทั้งแบบเที่ยวเดียวและตั๋วรายวัน
จองตั๋วเรือโดยสารล่วงหน้าได้ที่ คลิก
มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า ซาลูเต (Santa Maria Della Salute)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/nDAyYiU9fUgnhfmJ8)
มหาวิหารซานตามารียา เดลล่า หรือ Salute ตั้งอยู่ใกล้กับปลายแหลมที่เป็นจุดบรรจบของแกรนด์ คาแนลกับคลอง Giudecca ตรงข้ามกับจัตุรัสซานมาร์โค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1631 หลังการระบาดครั้งใหญ่ของกาฬโรคในเวนิส เพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารีย์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ปกป้องเวนิส ใช้เวลาสร้าง 50 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1681 ตัววิหารเป็นลักษณะเป็นทรงกลมแบบศิลปะบาโรกที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Punta della Dogana
สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ คลิก
สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto)
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/ZARoBJWmHbCk4kx87)
Ponte di Rialto หรือ Rialto Bridge นั้นเปรียบได้ว่าเป็นหัวใจที่แท้จริงของเวนิสเป็นสะพานที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของเมือง สะพานสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1854 เป็นสะพานทรงโค้งที่ยาว 7.5 เมตร หรือประมาณ 24 ฟุต รูปแบบแรกของสะพาน Rialto นั้นมีโครงสร้างขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนไม้มากกว่า 12,000 ชิ้น ต่อมาสะพานได้รับการบูรณะโดย Antonio Da Ponte ชนะจิตรกรชื่อดังอย่าง Michelangelo ขึ้นแทนที่สะพานเก่า ปัจจุบันสะพานมีทางเดินทั้งหมดสามทาง ประกอบไปด้วยทางเดินตรงกลางและขนาบด้วยบริเวณสองข้างของรั้วด้านนอก มีร้านค้าขนาดเล็กที่ขายสินค้ามากมายสำหรับนักท่องเที่ยว
สะพาน Constitution หรือ สะพาน Calatrava
(พิกัด https://maps.app.goo.gl/Ce62cLQDybdmJmCU6)
สะพานรูปทรงโมเดิร์น ออกแบบโดย Santiago Calatrava ชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกกันว่าสะพาน Calatrava (Ponte di Calatrava) ตามผู้ออกแบบ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 21 โดยเปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2008 มีรูปทรงโค้งมนทันสมัย สะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่าสะพาน Constitution เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของอิตาลี
วันหยุดอิตาลี ก่อนไปเที่ยวเวนิตรวจดูช่วงวันหยุดของประเทศอิตาลีห่อนวางแพลน เนื่องจากร้านค้า ร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์มักจะหยุดให้บริการ
1 มกราคม วันหยุดปีใหม่
6 มกราคม วัน Epifania : เป็นวันระลึกถึงพระคริสต์
เทศกาลอีสเตอร์ ระหว่างปลายมีนาคมหรือต้นเมษายน ซึ่งจะไม่ตรงกันในแต่ละปี
25 เมษายน Festa della Liberazione วันฉลองอิสรภาพ
1 พฤษภาคม Festa del Lavoro วันแรงงาน
15 สิงหาคม วัน Ferragosto วันฉลองพระแม่มารีย์ขึ้นสวรรค์
1 พฤศจิกายน วัน Ognissanti วันนักบุญ
8 ธันวาคม วัน Concezione Immaculate วันพระแม่มารีย์รับสาร
25 ธันวาคม วันคริสต์มาส (บางแห่งปิดทำการยาวตั้งแต่คริสต์มาสถึงปีใหม่)
26 ธันวาคม วัน Santo Stefano วันนักบุญสเตฟาน
Tips
- การเข้าห้องน้ำในเวนิสต้องเสียค่าบริการประมาณ 1 ยูโร แนะนำให้แลกเงินไปด้วย
- คำทักทายในภาษาอิตาลี Ciao (เชา) แปลว่า สวัสดี, Grazie (กราเซีย) แปลว่า ขอบคุณ, Scusi (สกูสิ) แปลว่า ขอโทษ
- โซนเวลาของเวนิส ช่วงฤดูร้อนช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม. และฤดูหนาวช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.
- ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือ 220 โวลต์ ปลั๊กเป็นแบบกลม 2 ขา หรือ 3 ขา แนะนำเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟและปลั๊กพ่วงไปด้วย