นคร เวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) เป็นชื่อของเวนิสในภาษาอิตาลีที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า veni etiam ซึ่งมีความหมายสุดโรแมนติกว่า ‘กลับมาเพื่อชมสถานที่อันงดงาม’ นอกจากนั้นยังถูกจดจำในชื่อ “นครแห่งสายน้ำ”
เนื่องจากเป็นเมืองที่ประกอบขึ้นจากเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะ ในทะเลอาเครียตริก ทั้ง เวนิส จึงเต็มไปด้วยคลองเล็กคลองน้อยนับร้อยที่ถูกเชื่อมต่อด้วยสะพานกว่า 400 สะพาน โดยมีคลองขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า แกรนด์ดาแนล (Grand Canal) ไหลผ่านกลาง จึงทำให้การคมนาคมในเวนิสมีเพียงเรือและการเดินเท่านั้น
ในอดีตเวนิสมีสถานะเป็นสาธารณรัฐเวนิส โดยคงอยู่มาได้กว่า 1,000 ปี แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะมาจากหมู่บ้านชาวประมงที่ดำรงชีพด้วยการหาสินค้าทางทะเลและการค้าเกลือ ด้วยที่ตั้งทางภูมิประเทศทำให้เวนิสเป็นเมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าขายกับประเทศตะวันออก ซึ่งทางผู้นำของเมืองเองก็ให้ความสำคัญกับการขยายอำนาจทางทะเลมากกว่าการขยายดินแดนทางบกเหมือนอาณาจักรอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ เวลานั้นเวนิสมีสถานะเป็นรัฐอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับใคร ปกครองตนเองโดยดยุคหรือดอจ (Doge) และด้วยเหตุที่มีความมั่งคั่งจากการค้าขาย เวนิสจึงเป็นที่ต้องการจากประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นเมืองขึ้น ซึ่งเวนิสเองก็รอดพ้นมาได้ทุกครั้งด้วยสภาพภูมิประเทศที่ยากต่อการโจมตี
ในศตวรรษที่ 18 เวนิสประสบกับปัญหาความเสื่อมโทรมและสุดท้ายก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้รวมเข้ากับประเทศอิตาลี จากนั้นก็เริ่มฟื้นตัวจากธุรกิจการท่องเที่ยวกลายเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรม มนต์เสน่ห์จากคลองนับร้อยสายและมรดกทางวัฒนธรรมสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนับสิบล้านคนต่อปี
สำหรับการท่องเที่ยวในเวนิส นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนั่งเรือข้ามเกาะมาจากเมืองเมสเตร (Mestre) ฝั่งแผ่นดินใหญ่ (Terraferma) ซึ่งอันที่จริงส่วนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเวนิสเช่นกัน โดยเกาะหลักที่เป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวนั้นจะเรียกกันว่า San Marco บนเกาะนี้เองที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การคมนาคม ตลอดจนร้านค้า ร้านอาหารและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าหลายแห่ง ซึ่งนอกจากเกาะหลักแล้ว นักเที่ยวก็ยังสามารถไปเที่ยวเกาะอื่น ๆ รอบ San Marco ได้แบบ one day trip ทั้ง San Michele, Murano, Sant’ Erasmo, Burano, Mazzorbo, Lido และ Torcello โดยในหนึ่งวันสามารถเที่ยวได้ถึง 4 เกาะ เนื่องจากแต่ละเกาะมีขนาดเล็ก อีกทั้งการเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ยังใช้เวลาไม่นาน
โดยเกาะที่นิยมไปเที่ยวจะเป็นเกาะ Burano, Torcello, The Lido และ Murano ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเรือแล้วจัดสรรเวลาเที่ยวเอง หรือจะซื้อแบบทัวร์ก็มีให้เลือกตามความสะดวก ซึ่งราคาแบบทัวร์ส่วนตัวพร้อมไกด์เที่ยว 2 เกาะทั้ง Murano และ Burano Guided จะตกประมาณ 1,700 บาทต่อคน หรือจะเป็นการเที่ยวแบบ 3 เกาะทั้ง Burano, Torcello และ Murano แบบเดินเที่ยวเองจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาทต่อคน
สามารถอ่านรายละเอียดและจองทัวร์แบบออนไลน์ได้ที่ คลิก
Venice – San Macro
San Macro เป็นเกาะหลักและยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวนิส บนเกาะแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง ใครที่มีเวลาจำกัดแนะนำมาที่เกาะนี้เกาะเดียวก็ถือว่าเก็บได้ครบ และอย่าลืมจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามาก่อนล่วงหน้า สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะนี้ได้แก่
- จัตุรัส San Macro (Piazza San Macro)
- พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale)
- มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)
- หอระฆังซานมาร์โก (San Marco Campanile)
- Bridge of Sighs
- Rialto Bridge
- Grand Canal
Burano
Burano เป็นเกาะขนาดเล็กที่สวยงาม ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเวนิส ประกอบไปด้วย 5 เกาะย่อยที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพาน ตัวเกาะตั้งอยู่ห่างจาก San Macro ประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที ค่าเรือราคา 25 ยูโรสำหรับตั๋ววันละ 9.5 ยูโรต่อเที่ยว สำหรับใครที่มาเวนิสและมีเวลามากกว่าหนึ่งวัน เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวเกาะแห่งนี้แบบ one day trip ใช้เวลาเที่ยวทั้งเกาะไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็เดินครบแล้ว
โดยเกาะบูราโน่มีชื่อเสียงในด้านการทำลูกไม้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานานกว่า 1,500 ปี รวมถึงยังเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีสีสันสดใสสวยงาม โดยมีจุดเริ่มต้นเพื่อต้องการให้ชาวประมงสามารถมองเห็นสีของบ้านตัวเองได้จากระยะไกล ใครที่รักการถ่ายรูปต้องไม่พลาด
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
Murano
Murano เป็นอีกหนึ่งเกาะที่นักท่องเที่ยวมักจะมาเที่ยวพร้อมกับ Burano ที่อยู่ห่างกันเพียง 35 นาทีจากการนั่งเรือ โดยเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในทะเลสาบเวนิส มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตเครื่องแก้วแบบดั้งเดิม ทั้งยังมี The Murano Glass Museum ที่จัดแสดงงานเครื่องแก้วกว่า 4,000 ชิ้นด้วย
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
Torcello
Torcello เคยเป็นเกาะที่มีคนอาศัยมากที่สุดในบรรดาเกาะในทะเลสาบเวนิสถึง 20,000 คน ก่อนจะอพยพไปยังแผ่นดินใหญ่เนื่องจากการรุกรานจากชาวลอมบาร์ดีและการเผชิญกับโรคมาลาเรียทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตัวเกาะทอร์เซลโลอยู่ห่างจากเกาะบูราโน่ไปทางเหนือเพียง 5 นาที บนเกาะให้บรรยากาศแบบยุคเก่า มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง The Cathedral of Santa Maria Assunta เป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลสาบเวเนเชียนถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ผสมผสานรูปแบบทางสถาปัตยกรรมระหว่างไบแซนไทน์และเวนิส ภายในตกแต่งด้วยโมเสกสมัยไบแซนไทน์จากศตวรรษที่ 12 และ 13
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก
The Lido
Lido เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเวนิส ทั้งยังอยู่ใกล้เวนิสมากที่สุดใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสารเพียง 10 นาที ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางช่วงฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี นักท่องเที่ยวสามารถมานอนเล่นผ่อนคลายที่ชายหาดที่มีความยาวหาดกว่า 12 กม. ที่นี่ยังมี Lido’s Casino ให้นักท่องเที่ยวได้ลองเสี่ยงดวงกัน ฤดูกาลที่คึกคักที่สุดจะเริ่มในเดือนกรกฎาคมและสิ้นสุดในปลายเดือนกันยายน
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองทัวร์ออนไลน์ได้ที่ คลิก